แผนร้ายกลายเป็นรัก
ผู้เข้าชมรวม
1,466
ผู้เข้าชมเดือนนี้
17
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บทนำ
การที่คนเราเคยเจ็บปวดและผิดหวังจากความรักหลายๆครั้งบางทีมันก็ช่วยสอนให้เราได้เรียนรู้อะไรได้ในหลายๆอย่างว่าถ้าหากเราเลือกที่จะรักหรือไว้ใจใครสักคน
เพราะไม่มีอะไรที่แน่นอนดั่งความเจ็บปวดที่พวกเธอเคยได้รับมาจากอดีต คนรักของพวกเธอ
ความเจ็บปวดที่ไม่มีใครอยากจะได้มันมา และต้องทนอยู่อย่างเดียวดาย
พวกเราจะต้องอยู่กันไปโดยที่ไม่สามารถที่จะมีคนรักเหมือนคนอื่นได้เช่นนั้นหรือ
แต่หากการที่พวกเราต้องมีคนรักแต่พวกเขาต้องมาจากและทิ้งพวกเราไปปล่อยให้พวกเราต้องทนเจ็บปวดอยู่เช่นนี้
พวกเราก็ขอเลือกที่จะไม่มีคนรักเลยจะดีกว่า หากว่ามีแล้วต้องเจ็บปวด มีทุกข์ ทรมาน
เพราะความรัก มันก็ไม่มีความสุข เพราะฉะนั้นพวกเราจะมีคนรักหรือความรักไปเพื่ออะไร
หากว่าเรามี
แต่ไม่สามารถที่จะคอยดูแลและปกป้องคนรักของพวกเราได้ก็ขอเลือกที่จะอยู่อย่างเดียวดายหรืออยู่กับเพื่อนที่เปรียบเหมือนพี่น้องในครอบครัวเดียวกันจะดีกว่า…
ณ ที่บริษัท ยูร่าฟานิค
บรรยากาศตอนนี้กำลังอึกทึกไปหมดเพราะเวลานี้มีนักข่าวหลายสำนักที่มารอผู้บริหารยูร่าฟานิคทั้งห้าคนอยู่เต็มลานชั้นหนึ่งและพวกพนักงานที่ทำท่ามองชะเง้อผู้บริหารของพวกเขา
ด้วยข่าวที่พวกเขาได้รับรู้มาข่าวที่พวกเขาอยากจะรู้จากปากของผู้บริหารของพวกเขาเองไม่ใช่จากโซเชี่ยวที่ตอนนี้กำลังเป็นข่าวดังและออกตามสื่อโทรทัศน์ทุกแทบจะสำนักข่าว
ซึ่งไม่มีข่าวอะไรที่จะดังได้เท่ากับข่าวของบริษัทยูร่าฟานิคอีกแล้วในตอนนี้
ข่าวนี้สามรถกลบทุกอย่างได้เพราะสื่อและมวลชนที่ได้คอยติดตามมาตลอด
“นี่พวกเธอบริษัทจะล้มละลายจริงๆเหรอ” เสียงพนักงานคนหนึ่งพูดขึ้นกับเพื่อนอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆกันท่ามกลางฝูงพนักงานด้วยกันและสื่อมวลชล
“นั่นสิแก” เสียงพนักงานอีกคนพูดขึ้น พร้อมกับทำท่าชะเง้อมองไปตรงประตูทางเข้าโดยที่ไม่วางสายตา
เพราะว่าวันนี้พวกเธอจะต้องให้สัมภาษณ์นักข่าวเกี่ยวกับข่าวลือของบริษัทที่ถูกปล่อยออกไปจากผู้ที่ไม่หวังดีและทำให้บริษัทต้องเสียหายลูกค้าเริ่มถอนตัวไม่จ้างบริษัท
ทำให้สาวๆห้าคนซึ่งตอนนี้ต้องเตรียมตัวตอบคำถามของนักข่าวไว้
เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงหลังจากที่ทุกคนทั้งพนักงานและนักข่าวที่ตั้งหน้าตั้งตารอมานานกว่าครึ่งชั่วโมงพลันสายตาของพวกเขาก็เหลือบไปเห็นรถคันหรูที่พวกพนักงานมักจะคุ้นตากัน
ที่มาหยุดตรงทางเข้าประตู รถยนต์สีดำรุ่น mercedes benz ซึ่งเป็นรถยนต์ที่มีราคาสูงหรือแพงมากถ้าไม่รวยจริงก็คงจะซื้อไม่ได้
ซึ่งก็ทำให้ใครๆอยากที่จะเข้าไปนั่งในรถคันนี้เสียจริงๆ บอดีการ์ดที่นั่งรถมาอีกคนกับรถคันหรูที่พึ่งมาหยุดตรงหน้าประตูทางเข้าตัวอาคาร
รีบเดินเข้าไปเปิดประตูรถทันทีพร้อมกับโค้งคำนับคนที่นั่งอยู่ภายในรถฝั่งตรงข้ามของเบาะคนขับ
และทันใดนั้นแหละที่นักข่าวและตากล้องพนักงานที่พร้อมใจกันวิ่งกรู่หวังจะเข้ามาหา
ใครบางคนที่นั่งอยู่ในรถแต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะบอดี้การ์ดเกือบสามสิบคนที่เข้ามาเอาตัวกั้นพวกเขาออกไป
และตามมาด้วยเสียงของนักข่าวและพนักงานที่พูดคุยกันเสียงดังและตากล้องที่กำลังแชะภาพ
ส่วนใครบางคนที่กำลังนั่งเตรียมใจอยู่ในรถคันหรูพอมองออกไปข้างนอกก็ได้แต่ถอนหายใจเพราะความวุ่นวายในขณะนี้เสียจริงๆ
คนภายในรถตัดสินใจก้าวเท้าลงจากรถออกมาและยิ้มกวาดสายตามองไปรอบๆที่ตอนนี้บรรยากาศกำลังเปรียบเสมือนงานเดินแฟชั่นโชว์ยังไงอย่างนั้นแหละ
“คุณราเชลค่ะ จริงเหรอค่ะที่บริษัทตอนนี้กำลังมีปัญหาและกำลังจะล้มละลาย
จริงหรือปล่าวค่ะ คุณราเชล” นักข่าวผู้หญิงคนหนึ่งถามขึ้นพร้อมกับพยายามยื่นไมด์ในมือไปให้ใกล้หญิงสาวที่พึ่งรถจากรถให้ได้มากที่สุด
แต่ก็นะถือว่านักข่าวคนนี้มีความพยายามได้มากเลยทีเดียวแต่ก็ไม่สามารถผ่านการ์ดตัวใหญ่ที่เคยกั้นเธอเข้ามาใกล้หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าได้
หญิงสาวไม่ได้ตอบอะไรกับนักข่าวหญิงคนนั้นเธอทำแค่ฉีกยิ้มให้กับนักข่าวคนนั้นและเดินเข้าไปข้างในในตัวลิฟต์ที่ใช้ได้เฉพาะผู้บริหารเท่านั้น
หญิงสาวในชุดสูทสีดำ เดินตรงเพื่อที่จะเข้าไปในลิฟต์และหวังว่าจะเข้าไปในห้องที่มีการจัดไว้เพื่อสำหรับแถลงข่าวนั่นเองแต่ยังไม่ทันที่หญิงสาว
จะเดินเข้าไปในตัวลิฟต์ที่อยู่ตรงหน้าซึ่งห่างจากเธอแค่สามเมตรเท่านั้น
เสียงโห่ร้องและเสียงจากแฟลตกล้องที่ถูกแชะภาพอย่างรัวๆทำให้เธอต้องมองผ่านกระจกใสที่ประตูทางเข้าที่เธอพึ่งเดินผ่านเข้ามา
รถยนต์สีดำรุ่น
mercedes
benz
เดียวกับเธอทั้งสี่คันมาจอดเรียงกันเป็นแถวและตามด้วยหญิงสาวทั้งสี่คนที่พึ่งลงมาจากรถมาอย่างพร้อมๆกัน
ทำให้พนักงานนักข่าวและตากล้องต่างพากันส่งเสียงพูดคุยและโห่ร้องอย่างเสียงดังมากเลยทีเดียว
แต่หญิงสาวทั้งสี่คนที่พึ่งมาถึงก็ไม่ได้สนใจนักข่าวและพนักงานที่ส่งเสียงดังพวกเธอเดินตรงมาที่หญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าลิฟต์ที่กำลังยืนยิ้มให้กับพวกเธออยู่ในตอนนี้
“แหมๆวันนี้งานใหญ่งานหลวงซะจริงเลยนะค่ะพี่” เวกกี้พูดหยอกล้อราเชลที่ยืนยิ้มอยู่
“เข้าไปที่ห้องแถลงข่าวกันเถอะ”
ราเชลพูดและมองไปที่รุ่นน้องทั้งสี่คนที่พึ่งเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า
ณ ที่ห้องแถลงข่าว
บรรยากาศในห้องแถลงข่าวที่บริษัทยูร่าฟานิคตอนนี้เงียบกริบและปล่อยให้แอร์ที่ทำหน้าที่ให้ความเย็นเป็นเครื่องควบคุมบรรยากาศตอนนี้ได้ดีที่สุด
ตอนนี้ช่วงเวลาที่สำคัญก็มาถึงช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยเพราะผู้บริหารทั้งห้าคนได้มานั่งอยู่ตรงหน้าของนักข่าวและตากล้องครบทุกคนแล้ว
รวมถึงพนักงานที่กำลังดูทีวีของบริษัทที่ติดตามที่ต่างๆไว้อย่างใจจดใจจ่อกันเลยทีเดียว
“ก่อนอื่นเราก็ต้องขอบคุณทุกคนที่ให้โอกาสเราได้มาพูดในวันนี้ นะค่ะ
ดิฉันในฐานะผู้บริหารของยูร่าฟานิคคนหนึ่งจะขอพูดเกี่ยวกับประเด็นข่าวที่ทุกคนอยากจะรู้ในวันนี้”
ราเชลพูดขึ้นพร้อมกับกวาดสายตามองนักข่าวและตากล้องที่กำลังแชะภาพอยู่ตรงหน้าพร้อมกับถอนหายใจก่อนที่จะตัดสินใจพูดขึ้นอีกครั้ง
“ข่าวที่บริษัทยูร่าฟานิคล้มละลาย ดิฉันขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงค่ะ”
“แล้วทำไมถึงมีคนปล่อยข่าวนี้ออกมาได้ละค่ะ
ว่าบริษัทยูร่าฟานิคกำลังจะล้มละลายเพราะว่ากำลังมีปัญหาแล้วก็มีคนถอนหุ้นออกจากบริษัทเกือบจะหมดแล้วในตอนนี้” นักข่าวชายคนหนึ่งถามขึ้น
“ไม่ทราบว่าไปเอาข่าวมาจากไหนค่ะ” เจซี
พูดถามนักข่าวชายคนนั้นขึ้นมาพร้อมกับใช้สายตาจิกมองไปที่นักข่าวชายคนนั้น
“ก็มีสายข่าวบอกมานะครับ”
“ก็อย่างที่เธอบอกเรายังขอยืนยันว่าบริษัทไม่ได้ล้มละลาย
ส่วนคนที่ปล่อยข่าวนี้ออกไปเราจะตามหาให้ได้เพราะทำให้บริษัทของเราเสียหายและเสียชื่อเสียงซึ่งเราจะไม่ยอมเด็ดขาด”
เฮล่าพูดขึ้น ทำให้นักข่าวต่างพากันหันมาทางเธอโดยพร้อมเพรียง
“แสดงว่าท่านผู้บริหารทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้รู้ใช่ไหมค่ะ ว่าเป็นฝีมือใคร
คิดว่าคนที่ปล่อยข่าวว่าบริษัทจะล้มละลายเป็นบริษัทของคู่แข่งหรือเปล่าค่ะ”
นักข่าวหญิงถามขึ้น
คำถามของนักข่าวหญิงคนนี้ทำให้ราเชล,เจซี,เวกกี้,ซีเวีย,เฮล่า
ต้องหันมามองนักข่าวหญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ท่ามกลางความแวดล้อมของนักข่าวชายก่อนที่ราเชลจะพูดขึ้นเพื่อตอบคำถาม
“เราไม่ทราบจริงๆค่ะว่าใครที่เป็นคนปล่อยข่าวลือนี้เพราะเรายังไม่รู้ตัวคนทำ”
ราเชลพูดขึ้นโดยที่ไม่ละสายตาไปจากนักข่าวสาวคนนั้น
“แล้วจริงหรือเปล่าค่ะที่บริษัทยูร่าฟานิคกำลังจะจับมือกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของประเทศเกาหลีอย่างบริษัทจีริสต์ตี้นะค่ะ”
“จริงค่ะ แต่เรายังไม่ขอพูดอะไรมาก” ราเชลพูดขึ้น
“ท่านผู้บริหารมีอะไรอยากจะฝากบอกถึงพนักงานและทุกคนที่กำลังชมอยู่ตอนนี้มากไหม”
นักข่าวหญิงถามขึ้น
“เราทุกคนในฐานะผู้บริหารอยากจะให้พนักงานทุกคนมั่นใจในตัวของพวกเราห้าคนที่นั่งอยู่ตรงนี้
และเรายังยืนยันว่าบริษัทไม่ได้ล้มลาย และจะยังคงอยู่ต่อไปไม่ว่าใครที่พยายามจะสร้างเรื่องพวกนี้มากแค่ไหน
ก็ขอให้หยุดเถอะค่ะ ” ประโยคทิ้งท้ายของราเชลทำให้นักข่าวต่างพากันมองหน้ากันไปมา
ก่อนที่ทุกคนจะค่อยๆทยอยออกไปจากที่ห้องแถลงข่าวจนหมด
วันนี้หลังจากที่ทุกคนเหนื่อยมาทั้งวันแล้วพวกเธอทั้งห้าคนก็อยากที่จะพักผ่อนทุกคนต่างพากันแยกย้ายกลับบ้านกันไปหมดจะเหลือก็แต่ราเชลที่พึ่งจะกลับไปเอาของที่ห้องของผู้บริหารที่บริษัท
ราเชลเดินกลับออกมาและขึ้นรถยนต์คันโปรดของเธอที่นั่งมาเมื่อเช้าโดยมีคนขับรถส่วนตัวและบอดี้การ์ดคนสนิทที่เธอไว้ใจซึ่งก็คือ
“รอนสัน” นั่งมาด้วยกัน เส้นทางที่จะต้องกลับไปที่คฤหาสน์ของเธอนั้นจะต้องข้ามสะพานซึ่งมีความยาวประมาณสิบกิโลเมตรจากนั้นก็จะต้องผ่านป่าสนซึ่งช่วงที่ผ่านป่าสนนั้นจะไม่มีแสงไฟตามท้องถนนที่คอยให้ความสว่างเหมือนในตัวเมือง
ราเชลที่ตอนนี้กำลังนั่งเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์อยู่ในมือนั้นก็เห็นข่าวของบริษัทเต็มไปหมดราเชลได้แต่นั่งถอนหายใจแล้วเลื่อนผ่านข่าวพวกนี้ไป
“ปัง”
เสียงปืนที่ดังขึ้นมาจากไหนไม่รู้ทำให้ราเชลรีบก้มหน้าลงไปทันทีและก่อนที่เสียงปืนอีกนัดจะดังตามมา
“เพล้ง” ตามด้วยเสียงกระจกท้ายรถที่แตก
“นี่มันเกิดอะไรชึ้นรอนสัน” ราเชลเงยหน้าถามและมองบอดี้การ์ดคนสนิทที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับ
“มีคนตามมาครับนายหญิง
ไม่รู้ว่าพวกมันเป็นใครแต่ตอนนี้ผมคิดว่าท่าจะไม่ดีแน่ นายหญิงก้มไว้นะครับ
ขับเร็วๆหน่อยสิแจ็ค” รอนสันบอกกับนายหญิงของเขาก่อนที่จะหันมาบอกให้คนขับรถเร่งความเร็วของรถเข้าไปอีก
ปัง! ปัง! ปัง! คราวนี้เสียงปืนดังขึ้นตามติดกันมาทำให้รอนสันต้องยิงสวนกลับและรอนสันที่เห็นว่าท่าจะไม่ดีแล้วเพราะถ้าหากนายหญิงของเขานั่งอยู่ในรถด้วยอาจจะไม่รอดกันทั้งหมดเพราะฉะนั้นเขาต้องทำอะไรสักอย่าง
ก่อนที่รอนสันจะปีนไปนั่งที่เบาะหลังกับนายหญิงของเขาและพูดเร่งให้แจ็คคนขับรถขับรถให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
แจ็คสามารถขับรถทิ้งระยะห่างพวกนั้นมาได้พอสมควรก่อนที่รอนสันจะตัดสินใจบอกกับนายหญิงของเขา
“ผมขอโทษนะครับนายหญิงแต่ถ้านายหญิงยังอยู่ในรถกับพวกผมนายหญิงอาจจะไม่รอด
ผมไม่มีทางเลือกจริงๆ” รอนสันพูดขึ้น
ราเชลที่นั่งนิ่งมองหน้ารอนสันการ์ดคนสนิทที่เธอไว้ใจที่สุดว่าสิ่งที่รอนสันพูดนั้นหมายถึงอะไรเธอช่างไม่เข้าใจเอาซะเลย
ระหว่างที่ราเชลได้แต่นั่งจ้องมองหน้ารอนสันการ์ดคนสนิทของเธออยู่นั้นราเชลก็รู้สึกได้ว่ารถที่เธอนั่งอยู่ตอนนี้กำลังหมุนวนหลายตลบตัวของราเชลหลุดออกจากมือของรอนสันที่กำลังจับตัวเธออยู่
ราเชลรู้สึกว่าตอนนี้เธอกำลังลอยเคว้งคว้างอยู่ในอากาศก่อนที่ร่างของเธอจะไปกระแทกกับเบาะข้างคนขับเพราะรถได้ไปชนกับต้นไม้ข้างทาง
ราเชลพยายามดิ้นรนตะเกียกตะกายประคองตัวเองให้ได้แล้วมองตามร่างกายของเธอ
ตอนนี้ร่างกายของราเชลมีเลือดไหลซึมออกมาเล็กน้อยเพราะเศษกระจกของรถ
และตรงที่หัวของเธอที่มีเลือดไหลออกมา
ราเชลหันไปมองรอนสันที่ตอนนี้นอนแน่นิ่งอยู่เบาะหลังฝั่งคนขับและสภาพที่ไม่ต่างจากเธอในตอนนี้
ราเชลพยายามเรียกรอนสันที่นั่งอยู่ข้างๆจนรอนสันรู้สึกตัวก่อนที่จะหันไปเรียกแจ็คคนขับรถแต่ก็พบว่าคนขับรถของเธอนั้นไม่ได้มีลมหายใจแล้ว
“แจ็คตายแล้วจะทำยังไงดีรอนสัน” ราเชลเอ่ยถามรอนสันขึ้น
“เราต้องออกไปจากรถก่อนที่รถมันจะระเบิด” รอนสันบอกกับนายหญิงของเขาเพราะเขาสังเกตเห็นว่ารถเริ่มมีน้ำมันไหลออกมาแล้ว
ทั้งสองคนลงมาจากรถได้ก่อนที่รอนสันจะเข้าไปช่วยพยุงนายหญิงของเขาและพานายหญิงของเขาเดินออกมาจากจุดตรงที่รถนั้นอยู่ห่างออกไปประมานสองร้อยเมตรเท่านั้นก่อนที่จะได้เสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของพวกเขา
“ตุ้ม ๆๆ” ความดังของเสียงที่เกิดจารรถที่ระเบิดนั้นดังมากพอสมควรก่อนที่ไฟจะลุกท่วมรถยนต์คันโปรดของราเชลโดยที่ราเชลทำได้แค่เพียงแต่ยืนมองจากตรงนี้เท่านั้นที่เธอทำได้
“นั่นมันอะไรครับนายหญิง”
รอนรันชี้นิ้วไปตรงกลางถนนตรงที่มีอะไรบางอย่างอยู่ตรงนั่น
“คนหรือเปล่ารอนสันเราไปดูกันดีกว่า” ราเชลทำท่าเหมือนจะเดินเข้าไปแต่สอนสันกลับรั้งมือเธอไว้
“ผมไปดูคนเดียวก่อนดีกว่าเพราะสถานการณ์แบบนี้เราไม่ควรไว้ใจอะไรทั้งนั้น”
รอนสันบอกกับราเชลก่อนที่จะเดินเข้าไปดูเป้าหมายของเขาที่ตรงกลางถนน
“คนครับนายหญิง” รอนสันตะโกนบอกนายหญิงของเขา
“นี่มันอะไรกันทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงมานอนตรงกลางถนนแบบนี้ได้ล่ะ” ราเชลพูดขึ้นแล้วหันหน้าไปมองรอนสัน
“แล้วเราจะเอายังไงต่อครับนายหญิง จะทำยังไงกับผู้หญิงคนนี้ดีครับ”
“ตอนนี้นายมีโทรศัพท์หรือว่าอะไรก็ได้ที่จะติดต่อใครได้บ้างไหม”
รอนสันทำท่าค้นหาโทรศัพท์มือถือของเขาก่อนที่จะเอามันออกมา
“ดีนะครับเนี่ยที่มันยังอยู่ในกระเป๋าผม” รอนสันโชว์โทรศัพท์มือถือให้นายหญิงของเขาดู
“งั้นนายโทรหาเพื่อนฉันทุกคน แล้วก็โทรหาตำรวจ
ส่วนผู้หญิงคนนี้ฉันจะจัดการเอง” ราเชลพูดขึ้น
รอนสันจัดการกดโทรออกตามคำสั่งของนายหญิง
ส่วนราเชลก็ค่อยๆก้มลงมองร่างของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเธอร่างของหญิงสาวนอนแน่นิ่งและไม่ขยับตัวเลย
ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันนะ
พลันราเชลก็ได้นึกถึงตอนที่นั่งอยู่ในรถเธอได้ยินเสียงของแจ็คตะโกนบอกว่า “ระวัง”
ก่อนที่รถจะเสียหลักลงข้างทางก่อนที่สติของเธอในช่วงนั้นจะขาดหายไป
ราเชลค่อยๆเอื้อมมือไปจับชีพจรของร่างหญิงสาวที่นอนแน่นิ่งอยู่ตรงหน้าก่อนที่เธอจะจับชีพจรได้ว่ายังเต้นอยู่
ทำให้ราเชลรู้สึกโล่งอกขึ้นมาไม่น้อย
“เธอยังไม่ตาย” ราเชลพูดขึ้น
หลังจากที่รอนสันจัดการติดต่อกับเพื่อนๆของนายหญิงและโทรหาตำรวจเสร็จเขาก็เดินกลับมาหานายหญิงของเขาแล้วนั่งฝั่งตรงข้ามของนายหญิงของเขาโดยมีร่างของผู้หญิงคนหนึ่งนอนแน่นิ่งกั้นกลางอยู่
“ผมจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนะครับ อีกไม่นานตำรวจก็คงจะมาถึงที่นี่”
รอนสันพูดพลางมองหน้านายหญิงของเขา
“แล้วผู้หญิงคนนี้ละครับเราจะเอายังไงกับเธอดี” รอนสันถามนายหญิงของเขาแล้วก้มมองร่างของหญิงสาวที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นถนน
“ให้ตำรวจพาเธอไปส่งโรงพยาบาล” ราเชลพูดพลางลุกขึ้นก่อนที่จะเดินเข้าไปนั่งพิงกับต้นไม้ข้างทางใกล้ๆ
เสียงรถตำรวจที่ดังขึ้นในระยะที่ไกลพอสมควรก่อนที่จะมีรถตำรวจสิบกว่าคันที่วิ่งมาจอดเต็มท้องถนนในพื้นที่ที่เป็นจุดเกิดเหตุและมีตำรวจหลายคนที่เดินลงมาจากรถก่อนที่จะมีรถดับเพลิงขับตามมาแล้วตรงดิ่งไปที่รถยนต์คันโปรดของราเชลที่ตอนนี้ไฟได้ลุกท่วมไหม้ไปหมด
ราเชลที่นั่งพิงต้นไม้อยู่ได้แต่มองความวุ่นวายตรงหน้าของเธอในตอนนี้
ก่อนที่เธอจะแหงนหน้ามองท้องฟ้าเพราะมันกำลังบ่งบอกว่าใกล้เวลาที่จะเข้าสู่รุ่งอรุณของวันใหม่แล้ว
พระอาทิตย์ค่อยๆเริ่มขึ้นมาเรื่อยๆส่วนตำรวจและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงก็กำลังทำหน้าที่ของเขาแข่งกับเวลาอยู่
หากว่าสว่างเมื่อไหร่นั้นหมายถึงถนนเส้นนี้จะมีรถวิ่งผ่านเป็นจำนวนมากซึ่งก็ผิดกว่าตอนกลางคืนที่แทบจะไม่มีรถวิ่งผ่านเลยดังนั้นทั้งตำรวจแล้วเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงต้องเร่งรีบทำหน้าที่ของพวกเขาให้เร็วที่สุด………
ผลงานอื่นๆ ของ tasasrocha ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ tasasrocha
ความคิดเห็น